Tuesday, April 28, 2020

BeautyDIY - หน้าสดอย่างไร ให้ผิวสวย สไตล์ Work From Home - B2G


ช่วงนี้หลายคนต้องกักตัว​ Work​ from​ home​ ทำให้ปล่อยปะละเลยผิวและใบหน้า เพราะคิดว่าไม่มีใครเห็นหน้าของเราซะหน่อย จะแต่งหน้าหรือไม่แต่งหน้าก็ไม่มีผลอะไร ที่ไหนได้มี VDO conference call​ ด่วนเข้ามา​ ต้องจำใจโชว์หน้าสดต่อหน้าสาธารณะชนแบบโทรม ๆ เพราะไม่ได้เตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้า เพื่อนร่วมงานอาจตกใจและเอาไปเม้าท์มอยได้ ซึ่งปัญหานี้ทำให้เพื่อน ๆ หลายคนหนักใจอยู่ใช่ไหมคะ
work from home
จริงอยู่ การทำงานจากที่บ้าน หรือ Work​ from​ home​ ไม่จำเป็นต้องคัดเบ้า​ให้เป๊ะ​ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องหน้าศพจริงไหมคะ แม้เหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ทำให้เพื่อน ๆ หลายคนมีความเครียดสะสม วิตกและกังวล จนทำให้เป็นสิว ผิวแห้งกร้าน ร้านเสริมสวยปิด แต่ผู้หญิงอย่างเราจะหยุดสวยก็ไม่ได้จริงไหมคะ
ดังนั้นพวกตัวเองควรดูแลผิวหน้าให้ดูดีอยู่เสมอ​ แม้เราจะ​ work​ from​ home​​ แต่ปัญหาคือช่วงนี้กักตัว จะเอาวัตถุดิบที่ไหนมาทำสวย? เงินก็ต้องเก็บไว้ใช้ยามจำเป็น จะห่วงทำสวยไปทำไม?
วันนี้น้ำมีวิธีสครับหน้าแบบอ่อนโยนมาให้เพื่อน ๆ ได้ลองเอาไปทำดู สามารถทำได้เองจากที่บ้านโดยใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ในครัวเพียงไม่กี่อย่างค่ะ พร้อมแล้วเริ่มกันเลยนะคะ
สิ่งที่ต้องมี
  1. แป้งข้าวจ้าว/แป้งข้าวเหนียว/แป้งข้าวโพด​ 1​ ช้อนโต๊ะ (ใช้แป้งอะไรก็ได้ค่ะ ทั้ง 3 อย่างคุณสมบัติใกล้เคียงกันค่ะ)
  2. กะทิผง​ ​ 1​ ช้อนชา​ (หากไม่มีใช้น้ำกะทิกล่อง โดยใช้แทนน้ำเปล่าค่ะ)
  3. น้ำเปล่านิดหน่อย
แป้งข้าวจ้าวกะทิ
วิธีทำ​ 
  1. ผสมทุกอย่างให้เข้ากันให้มีลักษณะข้นเหนียว พักไว้ก่อน
  2. ล้างหน้าให้สะอาด​ ซับให้แห้ง
  3. แต้มสครับที่ผสมไว้ให้ทั่วใบหน้า​แล้วนวดวนเบา ๆ เป็นวงกลมให้ทั่วประมาณ​ 5​ นาที​ 
  4. พอกทิ้งไว้​ 15​ นาที​ ครบกำหนดเวลาแล้วล้างออก
  5. ก่อนล้างให้ใช้น้ำพรมบนใบหน้าให้ทั่วแล้วใช้ปลายนิ้วมือนวดวนเบา ๆ แล้วล้างออกด้วยน้ำให้สะอาด 

หลังทำผิวจะเนียนนุ่มขึ้น​ กระจ่างใสขึ้น​ ผิวตึงกระชับ เมื่อทำเป็นประจำจะทำให้ริ้วรอยตื้นขึ้น จุดด่างดำจางลง ผิวขาวขึ้น และผิวดูเด็กลง 
คุณสมบัติของแป้งข้าวจ้าว/แป้งข้าวโพด/แป้งข้าวเหนียว ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกอย่างอ่อนโยน และทำให้ผิวเต่งตึงกระชับ​
คุณสมบัติของกะทิ ช่วยเติมความคุ้มชื้นให้ผิว ช่วยผลัดเซลล์ผิว จึงทำให้ผิวให้ผิวเนียนนุ่มขึ้น 

อย่าลืมทดสอบการแพ้ก่อนทำ โดยทาสครับที่ผสมเรียบร้อยแล้วบริเวณผิวที่บอบบาง เช่น ใต้คาง หรือใต้ท้องแขนทิ้งไว้ 1-2 ชม. หากมีผื่นคันไม่ต้องทำนะคะ น้ำมีหลายสูตรค่ะ
 วัตถุดิบหาง่าย ไม่ยุ่งยาก และสูตรนี้สามารถทำได้ทุกวันค่ะ​ เมื่อทำแล้วอย่าลืมทาครีมกันแดดเป็นประจำแม้เราไม่ได้ออกไปไหนนะคะ เพียงเท่านี้เราก็มีผิวสวย โดยไม่ต้องพึ่ง Application ใด ๆ แล้วเจอกันใหม่กับบทความหน้าถัดไปนะคะ
 ภาพ / เรื่อง โดย #AquaLady

Sunday, April 26, 2020

BeautyDIY - รวมสูตรผิวสวยด้วยสมุนไพร EP.1 - B2G



บทความนี้น้ำอยากทำเป็นซีรีส์สมุนไพรไทยที่ใช้แล้วผิวสวยมาฝากพวกตัวเอง น้ำเชื่อว่าสมุนไพรไทยหลายอย่าง มีคุณประโยชน์ดี ๆ มากมาย น้ำจึงอยากรวบรวมสรรพคุณของสมุนไพรเหล่านั้นไว้ ให้คนที่สนใจ (แบบพวกตัวเอง) เข้ามาดู แล้วนำสมุนไพรเหล่านั้นมาช่วยให้สวยขึ้น ดูดีขึ้น มาค่ะ มาดูกันว่า EP 1 เป็นสมุนไพรอะไร



EP1 ขอเริ่มด้วย “มะขาม” ค่ะ มะขามมีรสเปรี้ยว ย่อมมีวิตามินซีสูง ดังนั้นสรรพคุณเด่น ๆ ของมะขามจึงช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดจุดด่างดำ ฝ้า กระ ทำให้ผิวขาว เนียน กระจ่างใส เมื่อเรานำน้ำมะขามเปียกมาเป็นส่วนผสมของ Mask หรือ Scrub ค่ะ

หากเราทานเนื้อมะขามจะช่วยให้ร่างกายสร้างสารต้านอนุมูลอิสระ หรือช่วยชะลอความแก่ บำรุงฟัน บำรุงกระดูก และช่วยบำรุงสายตาด้วยค่ะ

วันนี้น้ำขอแนะนำสูตร Beauty DIY ฉบับ B2G ให้เพื่อน ๆ นำไปลองทำกันค่ะ

1 สูตรฆ่าเชื้อราบนหนังศรีษะ / ฆ่าเหา

สิ่งที่ต้องใช้ 

  • น้ำมะขามเปียก ลักษณะข้น ไม่เหลวมาก 

วิธีทำ

  • สระผมให้สะอาด
  • นำน้ำมะขามเปียกนวดศรีษะทิ้งไว้ 30 นาที แล้วล้างออก


2 สูตรขจัดคราบฟันจากกาแฟและบุหรี่

สิ่งที่ต้องใช้

  • เนื้อมะขามเปียก

วิธีทำ

  • นำเนื้อมะขามเปียกขัดถูฟันทุกครั้งก่อนแปรงฟัน 
  • ช่วยขจัดคราบสกปรก คราบเหลืองจากบุหรี่และชากาแฟออกจากฟันได้ค่ะ



3 สูตรพอกหน้าผิวขาวใส

สิ่งที่ต้องใช้

  • มะขามเปียก 
  • นมสดรสจืด

วิธีทำ

  • นำนมสดไปต้มให้พออุ่น ไม่ต้องร้อนมากเดี๋ยวไขมันในนมแตกตัว 
  • นำมะขามเปียกแช่ในนมอุ่นให้ท่วม แช่ทิ้งไว้ 30 นาที แล้วใช้มือบีบเอากากใยและเม็ดออก เหลือแต่เนื้อลักษณะข้นๆ
  • นำเนื้อมะขามเปียกที่ได้มาพอกหน้าทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วล้างออก

สูตรพอกหน้านี้ช่วยผลัดเซลล์ผิว ให้ผิวที่หมองคล้ำกลับมาขาวใส นุ่มนวลขึ้น ควรทำอาทิตย์ละ 2 ครั้ง


4 สูตรพอกหน้า ช่วยให้ผิวสะอาด ผิวกระชับ ผิวขาวใส

สิ่งที่ต้องใช้

  • น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
  • ดินสอพอง 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  • นำส่วนผสมทั้ง 2 อย่างมาผสมให้เข้ากัน 
  • นำมาพอกหน้าประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก

สูตรพอกหน้านี้ช่วยให้ผิวสะอาด เพราะดินสอพองช่วยทำความสะอาดผิว มะขามมีวิตามินซีสูง จึงช่วยผิวขาวใส ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื้น ควรทำอาทิตย์ละ 2 ครั้ง

5 สูตรขัดตัวเพื่อผิวสะอาด ลดความมันส่วนเกิน 

สิ่งที่ต้องใช้

  • น้ำมะขามเปียก 1/2 ถ้วย
  • เกลือป่น 1-2 ช้อนชา
  • ถ้าผิวแห้งให้เติม น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนชา  

วิธีทำ

  • นำส่วนผสมทั้ง 2 อย่างมาผสมให้เข้ากัน 
  • นำมาขัดวน ๆ เป็นวงกลมทั่วทั้งตัว ขัดเบา ๆ นะคะ เดี๋ยวแสบผิว ขัดประมาณ 3-5 นาที แล้วล้างออก

สูตรขัดผิวนี้สามารถทำได้ทั้งตัว ช่วยให้ผิวสะอาด เพราะมะขามเปียกและเกลือช่วยทำความสะอาดรูขุมขน ช่วยให้ผิวขาวใส เรียบเนียน และผิวชุ่มชื้นด้วยค่ะ ควรทำอาทิตย์ละ 2 ครั้ง

วิธีทำน้ำมะขามเปียก 





  • นำมะขามเปียกแช่กับน้ำอุ่นให้ท่วม แช่ทิ้งไว้ 30 นาที แล้วใช้มือ (ล้างก่อนนะคะ) บีบเอากากใยและเม็ดมะขามออก เหลือไว้แต่เนื้อลักษณะข้น ๆ

เป็นอย่างไรคะ มะขามเปียก สรรพคุณครอบจักรวาลมาก สุขภาพดีและสวยตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยทีเดียวค่ะ เนื่องจากมะขามเปียกเป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติ ดังนั้นควรทานหรือใช้แต่พอดีในปริมาณที่เหมาะสม และต่อเนื่อง จึงจะเห็นผลดีที่สุดค่ะ

สูตรต่าง ๆ ก่อนนำมาใช้กับผิว พวกตัวเองควรทดสอบการแพ้กับผิวบริเวณที่บอบบางก่อนทุกครั้ง โดยทดสอบกับผิวใต้คาง หรือผิวใต้ท้องแขน ทาทิ้งไว้ 15 นาที ถ้าไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ ลุยได้เลยค่ะ แล้วเจอกันใหม่กับ EP ถัดไปนะคะ บายค่ะ

เรื่อง / ภาพ : #AquaLady

Review - รีวิวหนัง The Green Mile ปาฏิหาริย์ แดนประหาร - B2G



วันนี้น้ำมารีวิวหนังเก่าปี พ.ศ. 2542 เรื่อง The Green Mile หรือชื่อภาษาไทยว่า ปาฎิหาริย์ แดนประหาร นำแสดงโดยทอม แฮงค์ The Green Mile ถูกสร้างมาจากหนังสือนิยายของ Stephen King และได้ผู้กำกับมากฝีมืออย่าง Frank Darabont และยังเขียนบทภาพยนตร์เองด้วยค่ะ
The Green Mileภาพที่ 1
The Green Mile ประสบความสำเร็จอย่างสูง ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลมากมายทั้งรางวัลลูกโลกทองคำ และรางวัลออสการ์ ซึ่งถูกเสนอชื่อเข้าชิงถึง 4 สาขาด้วยกัน แค่ชื่อ Stephen King และ Frank Darabont ก็รับประกันความสนุก ความลึกลับ ความมหัศจรรย์ใจได้แล้วค่ะ ถ้าใครยังไม่ได้ชม The Green Mile ถือโอกาสนี้ลองอ่านเรื่องย่อคร่าว ๆ แล้วลองหาชมกันตามอัธยาศัยได้เลยค่ะ

****  มีการบอกเนื้อหาและจุดสำคัญของหนัง ****
The Green Mile คือชื่อของเรือนจำที่คุมขังนักโทษที่ต้องโทษประหารชีวิตด้วยการนั่งเก้าอี้ไฟฟ้า โดยพอล เอดจ์คอมบ์ (รับบทโดยทอม แฮงค์) เป็นพัศดีมีหน้าที่ดูแลนักโทษที่กำลังรอวาระสุดท้ายของชีวิต
The Green Mileภาพที่ 2
 เจ้าหน้าที่แต่ละคนต่างดูแลนักโทษอย่างเอาใจใส่ และเลี่ยงการทำให้นักโทษเครียด ยกเว้นเจ้าหน้าที่ ที่ชื่อเพอร์ซีย์ เวทมอร์ มีนิสัยก้าวร้าว ชอบอวดเบ่ง ชอบแกล้งและทำร้ายนักโทษ จึงทำให้ไม่เป็นที่รักของเจ้าหน้าที่คนอื่น รวมถึงนักโทษใน The Green Mile ด้วย
The Green Mileภาพที่ 3
วันหนึ่งมีนักโทษรายใหม่ได้เข้ามายัง Green Mile เป็นผู้ต้องหาผิวดำชื่อว่า จอห์น ค็อฟฟี่ สูง 2.10 เมตร หนัก 400 ปอนด์ ซึ่งก่อคดีสะเทือนขวัญ ฆ่าเด็กหญิงผิวขาว 2 คนพี่น้องด้วยการถลกหนังศีรษะ และพอลพบว่าจอห์น มีนิสัยไม่เข้ากับบุคลิก พูดจาสุภาพ กลัวความมืด มีมารยาท
The Green Mileภาพที่ 4
หลายวันต่อมา มีนักโทษประหารคนใหม่เข้ามาอีกราย ชื่อว่า ไวล์บิลล์ เป็นนักโทษที่ก่อเหตุตั้งแต่วันแรกที่เดินทางมาถึง โดยไวล์บิลล์แกล้งทำเป็นสติเลอะเลือน เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวเข้าห้องขังอย่างไม่รัดกุมเท่าที่ควร ทำร้ายเจ้าหน้าที่ไปหลายคน และจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้พอลมีอาการเจ็บที่เป้ากางเกงเนื่องจากโดนกระแทกเข้าเต็มเปา ซึ่งเดิมทีพอลเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ และมีอาการเจ็บปวดทรมานทุกครั้งที่ปัสสาวะ
The Green Mileภาพที่ 5
หลังจากเหตุการณ์สงบ พอลได้สั่งให้คนเจ็บไปทำแผลและที่เหลือไปเขียนรายงาน ตัวพอลขออยู่ดูแลนักโทษที่เรือนจำคนเดียว พอทุกคนออกไปหมด พอลถึงกับล้มไปนอนกับพื้นเพราะทนอาการเจ็บปวดไม่ไหวและตั้งใจจะไปหาหมอเพื่อรักษาอาการป่วยของตนอย่างเด็ดขาดในวันนี้ หลังจากผลัดมาหลายครั้ง
จอห์น เรียกพอลเข้าไปหา พอลจึงแข็งใจลุกขึ้นและเดินไปที่หน้าห้องขัง จากนั้นจอห์นดึงกึ่งกระชากพอลเข้าไปประชิดตัวโดยมีเพียงลูกกรงขั้นกลางระหว่างเขา 2 คน และใช้มือจับที่เป้ากางเกง พอลตกใจมากคว้ามือไปที่อาวุธประจำตัว แต่บอกว่าต้องการจะช่วย จากนั้นหลอดไฟในห้องขังของจอห์นก็สว่างวาบขึ้นและแตกไปในที่สุด
จอห์นก็ปล่อยมือ กลับไปนั่งที่เตียงและปล่อยบางอย่างคล้ายแมลงตัวเล็ก ๆ ออกมาจากปาก ล่องลอยในอากาศและหายไปในที่สุด จากนั้นจอห์นก็ล้มตัวลงนอน พอลรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างในตัวของเขา จึงต้องการพิสูจน์โดยการเดินไปปัสสาวะที่ห้องน้ำ เขาพบว่าอาการป่วยของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบหายไปจนหมด ปัสสาวะลื่นไม่ขัด
พอลเก็บเรื่องราวปาฎิหารย์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ไว้ลำพัง จนวันหนึ่ง เพอร์ซีย์ ได้ทำร้ายหนูซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงของนักโทษอีกรายจนอาการปางตาย แต่จอห์นก็ได้ใช้พลังปาฎิหารย์ ทำให้หนูกลับมามีชีวิตและวิ่งได้เหมือนเดิม สร้างความตื่นตะลึงให้กับคนที่อยู่ในเหตุการณ์มาก
The Green Mileภาพที่ 6
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้พอลตัดสินใจพาจอห์นไปรักษาเมลินดา ภรรยาของหัวหน้าพัศดี ซึ่งป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย จนหายดี โดยวางแผนกับเจ้าหน้าที่แต่คราวนี้จอห์นไม่ได้ปล่อยบางสิ่งออกจากปากหลังทำการรักษาเหมือนทุกครั้ง
จอห์นได้ปล่อยสิ่งนั้นเข้าปาก เพอร์ซีย์ ทำให้เพอร์ซีย์คลุ้มคลั่งถือปืนไปยิงไวล์บิลล์จนเสียชีวิตคาห้องขัง พอลไม่เข้าใจกับการกระทำของจอห์น จอห์นจึงขอให้พอลจับมือ และแบ่งพลังวิเศษที่มีอยู่ในตัวให้พอล เพื่อให้พอลเห็นทุกอย่างที่ไวล์บิลล์ทำ ซึ่งจริง ๆ แล้วไวล์บิลล์เป็นคนลงมือฆาตกรรมเด็กหญิงผิวขาว 2 คน จอห์นต้องการจะช่วยเด็กทั้ง 2 แต่ไม่ทัน เพราะเด็กเสียชีวิตมานานเกินไป
The Green Mileภาพที่ 7
พอลและหัวหน้าพัศดีต้องการจะปล่อยตัวจอห์น พอลรู้ดีว่าจอห์นไม่ได้ทำผิด และรู้ว่าหากปล่อยให้จอห์นตายไป ตนเองจะกลายเป็นคนที่ฆ่าปาฎิหารย์แห่งพระเจ้า แต่จอห์นปฎิเสธข้อเสนอเพราะเบื่อหน่ายกับโลกที่มีแต่ความโหดร้าย มีแต่การฆ่าฟันกันทุกวัน จอห์นรับรู้ได้ถึงคลื่นแห่งความรัก ความโอบอ้อมอารี รวมถึงคลื่นแห่งความเกลียดชัง ความอาฆาต และรู้สึกเหนื่อยกับการกระทำของมนุษย์ จึงขอจากโลกนี้ไปด้วยการนั่งเก้าอี้ไฟฟ้าทำให้พอลและเจ้าหน้าที่คนอื่นเศร้าโศกเสียใจถึงกับหลั่งน้ำตาในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่ 
จากเหตุการณ์วันนั้น จนปัจจุบัน พอลในวัย 108 ปี ใช้ชีวิตที่เหลือเพียงลำพังในบ้านพักคนชรา มีร่างกายที่แข็งแรงผิดกับคนวัยเดียวกัน พอลเลือกที่จะอยู่คนเดียว เพราะคนรอบข้างเสียชีวิตไปหมด พอลไม่ต้องการผูกพันกับใคร ไม่อยากเห็นเพื่อนรักต้องตาย พอลไม่รู้ว่าจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวไปอีกกี่สิบ กี่ร้อยปี เพราะหนูที่จอห์นได้ช่วยชีวิตไว้ยังมีชีวิตยาวนานมาถึงบัดนี้ แล้วพอลที่ได้รับการแบ่งเสี้ยวพลังวิเศษจากจอห์นโดยตรงล่ะ จะมีชีวิตไปอีกนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ได้
เรื่องโดย #AquaLady
ขอขอบคุณภาพประกอบบทความ ภาพปก / ภาพที่ 1 - 7 จากเฟซบุ๊ก แฟนเพจ The Green Mile Official

Saturday, April 25, 2020

Review - รีวิว Hairpiece วิธีเปลี่ยนลุคให้ตัวเองแบบง่าย ๆ พร้อมวิธีใช้และวิธีเก็บรักษา - B2G


สวัสดีค่ะ มีใครเคยมีปัญหาแบบน้ำบ้างไหมคะ ปัญหาเรื่องทรงผม น้ำเป็นผู้หญิงที่ไม่ชอบหวีผม สระผมเสร็จก็ไม่หวี ใช้นิ้วมือสาง เป่ากับพัดลมหรือไม่ก็ปล่อยให้แห้งเองตามธรรมชาติ ไม่ชอบให้ผมปรกหน้า ชอบมัดผม รวบให้ตึง แต่ชอบให้ตัวเองดูเนี๊ยบทั้งเสื้อผ้า หน้า ผม ความเป็นตัวเองกับความชอบมันช่างย้อนแย้งกันจริงไหม?
วันหนึ่งมีโฆษณา Hairpiece วิ่งผ่านตา เออ ใส่แล้วสวยดี ดูแตกต่าง ดูใส่ง่าย ราคาไม่แพงด้วย คิดในใจว่า “อันนี้แหล่ะ น่าจะเหมาะกับฉัน” ไม่ต้องรอให้โฆษณาวิ่งมาอีกรอบ จิ้มไปที่ปุ่มข้อความของเพจ Con 2 Girl ที่ยิงโฆษณามาหาน้ำค่ะ
น้ำเลยตัดสินใจสั่ง Hairpiece มาลองใส่ 2 แบบ มีแบบไหนบ้างมาดูกันค่ะ
Baby Curve เป็นลอนธรรมชาติ ใส่แล้วออกแนวน่ารักใส ๆ สไตล์นักศึกษา วอลุ่มแค่ตรงปลาย ชิ้นนี้น้ำเลือกเป็นสีน้ำตาลธรรมชาติ เข้ากับสีผมน้ำพอดีเป๊ะ ใส่ออกมาแล้วน้ำชอบมากค่ะ ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นนักศึกษาจบใหม่กำลังไปเริ่มงาน
็วิธีใส่ Hairpieceภาพที่ 1
Sweet Roll เป็นลอนแฟชั่น ดัดวอลุ่มหนา ๆ ชิ้นนี้น้ำเลือกสีน้ำตาลช็อคโกแลต ไม่เข้ากับสีผมของน้ำเลยค่ะ แต่ใส่ออกมาก็ดูไม่ขัดแต่อย่างใด ใส่แล้วรู้สึกเหมือนพี่ช่า กำลังขึ้นคอนเสิร์ต
วิธีใส่ Hairpieceภาพที่ 2
ตอนแรกน้ำเลือกสีน้ำตาลธรรมชาติทั้ง 2 แบบค่ะ แต่เปลี่ยนใจเอาสีน้ำตาลช็อคโกแลตมา 1 ชิ้น เอามาลองว่าสีไหนที่เข้ากับผมของน้ำมากที่สุดค่ะ

ความรู้สึกแรกกับ Hairpiece ของ Con 2 Girl
เส้นไหมของ Hairpiece ที่จับครั้งแรก นุ่ม ไม่เงาเหมือนที่เห็นตามร้านทั่วไป คือดูไม่รู้ว่าเป็นเส้นไหม ดูแล้วเหมือนเส้นผมจริง แพของ Hairpiece เย็บแน่นหนามาก ๆ มีกิ๊บป๊อกแป๊กซึ่งเย็บติดแน่นมาก แถมกิ๊บก็แข็งแรงมีซี่ฟันไว้ล็อคผม อันนี้น้ำชอบเพราะมันเกาะเส้นผมดีมาก ๆ ใส่ครึ่งวันไม่หลุดเลยค่ะ
วิธีใส่ hairpiece
ภาพที่ 3

วิธีใส่ Hairpiece
  1. แบ่งผมมัดครึ่งหัว ค่อนไปทางด้านบน
  2. หยิบ Hairpiece  มากะระยะกับหัว โดยเริ่มติดจากฝั่งใดฝั่งหนึ่งก่อน
  3. คลายกิ๊บตัวริมฝั่งใดฝั่งหนึ่ง แล้วใช้ซี่หวีที่ติดมากับกิ๊บสับลงไปกับผมที่อยู่ด้านล่างของจุกผมที่มัดไว้ แล้วติดกิ๊บ
  4. ไล่ทำไปทีละตัว ๆ โดยคลายทีตัว ไม่คลายพร้อมกันทีเดียวนะคะ เพราะซี่ฟันที่อยู่กับกิ๊บจะไปทำให้ผมยุ่ง ทำให้ติดลำบาก
  5. ทำจนถึงตัวสุดท้าย เสร็จแล้วคลายจุกที่มัดไว้ให้ลงมาปิดรอยต่อของแพ Hairpiece
  6. ถ้าใครที่มีผมที่ม้วนลอนปลาย ๆ อยู่แล้วจะดูกลมกลืนกับ Hairpiece ค่ะ ของน้ำเป็นผมตรง เลยดูขัด ๆ น้ำเลยไม่ปล่อย รวบไว้ครึ่งหัวดูกลมกลืนกว่า
  7. ถ้าใครไม่อยากรวบ อยากปล่อยและเป็นคนผมตรงเหมือนน้ำ แต่ Hairpiece ที่ซื้อมาเป็นลอน ให้ใช้ที่หนีบผม หนีบปลายผมที่อยู่นอก Hairpiece เป็นช่อ ๆ ให้เป็นลอน จะดูเป็นธรรมชาติมากค่ะ
วิธีใส่ hairpieceภาพที่ 4
คลิปใส่ Hairpiece คลิ๊กที่นี่ ค่ะ 
วิธีใส่ hairpieceภาพที่ 5

วิธีถอด Hairpiece
  1. คลายกิ๊บป๊อกแป๊กออกจากผม โดยคลายทีละตัว ๆ จนไปถึงตัวสุดท้าย
  2. ดึง Hairpiece ขึ้นทั้งแผงพร้อมกัน
  3. คลุม Hairpiece ด้วยตาข่ายที่ทางร้านให้มาตอนแรก เก็บใส่ซอง

วิธีดูแลรักษา Hairpiece
  1. ทำความสะอาดเหมือนสระผมตัวเองค่ะ
  2. สระด้วยยาสระผมแล้วแช่ครีมนวดผมไว้สักพัก
  3. ตาก ลมให้แห้งเองตามธรรมชาติ
  4. ห้ามเป่าร้อน ห้ามตากแดด

Tips เล็ก ๆ น้อย ๆ
  1. ใส่ Hairpiece กลางหัวค่อนไปทางด้านบนจะดูเป็นธรรมชาติค่ะ ตอนน้ำใส่น้ำมัดผมไว้เหนือหูประมาณ 2 นิ้วค่ะ เวลาปล่อยผมลงมา หรือมัดครึ่งหัวทำให้ Hairpiece กับผมของเราดูเป็นธรรมชาติมาก ๆ ค่ะ
  2. เลือกสี Hairpiece ให้เข้ากับสีผมของตัวเองจะกลมกลื่นสุด ๆ สำหรับน้ำเหมาะกับสีน้ำตาลธรรมชาติค่ะ เพราะผมน้ำไม่เคยทำสี
  3. ไม่จำเป็นต้องทำความสะอาด Hairpiece ทุกครั้งที่ใส่ ทำความสะอาดอาทิตย์ละครั้งก็ได้ค่ะ ส่วนตัวน้ำ 15 วันทำความสะอาดทีค่ะ เพราะน้ำใส่ไม่บ่อยเท่าไหร่
  4. หาก Hairpiece พันกัน ใช้ครีมหมักผม หมัก Hairpiece ทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วล้างออก ผึ่งให้แห้ง เส้นไหมที่พันกันจะคลายจากกัน ส่วนตัวน้ำใช้ครีมหมักผมผสมน้ำนิดหน่อยพอขลุกขลิก แล้วใส่หวีซี่ห่างมาก ๆ สางเบา ๆ แล้วแช่ Hairpiece ทิ้งไว้ค่ะ
ใครอยากเปลี่ยนลุคด้วย Hairpiece ลองเข้าไปดูที่เพจ Con 2 Girl เขามีโปรโมชั่น ซื้อ 1 แถม 1 ด้วยนะคะ น้ำก็ซื้อโปรโมชั่นนี้เหมือนกันค่ะ แล้วเจอกันใหม่กับบทความถัดไปนะคะ สวัสดีค่ะ
เรื่องโดย #AquaLadyขอขอบคุณภาพประกอบบทความ โดย ภาพปก : #AquaLady / ภาพ 1 : Con2Girl / ภาพ 2 : Con2Girl / ภาพ 3 - 5 โดย #AquaLady

BeautyDIY - สูตรมากส์หน้าย้อนวัย กลับไปเป็นสาวอายุ 15 อีกครั้ง - B2G


สวัสดีค่ะ เจอกันอีกแล้วกับ  Beauty DIY จาก AquaLady วันนี้น้ำมีสูตรพอกหน้ามาฝากค่ะ สูตรนี้มีความพิเศษ (ก็พิเศษทุกสูตร) เพราะช่วยซ่อมแซมผิวที่เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ช่วยฟื้นฟูผิวกลับมาเปล่งปลั่งสดใสเหมือนเดิม ด้วยการเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว และช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดฝ้ากระ จุดด่างดำ รอยแผลจากสิว เติมความชุ่มชื้นให้ผิว จึงทำให้ผิวแลดูสุขภาพดี ผิวขาวกระจ่างใส กลับมาดูเด็กอีกครั้ง พร้อมแล้วมาดูวัตถุดิบและวิธีทำไปด้วยค่ะ
 สิ่งที่ต้องใช้
  1. แป้งข้าวจ้าว 1 ช้อนโต๊ะ
  2. แป้งสาลี 1 ช้อนโต๊ะ
  3. เจลว่านหางจระเข้ ½ ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนชา
  5. วิตามินอี 1 แคปซูล ชนิดน้ำมัน
  6. น้ำกุหลาบ (ใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ค่ะ ถ้าไม่มีไม่ต้องใส่ค่ะ)
สูตรมาสก์หน้าเด็ก
วิธีทำ
  1. ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน ลักษณะของเนื้อมากส์จะข้น ถ้าข้นมากไปให้เติมน้ำกุหลาบลงไปค่ะ ถ้าไม่มีใช้น้ำเปล่าแทนได้ค่ะ
  2. ล้างหน้าให้สะอาด เช็ดให้แห้ง ทาเนื้อมากส์ที่ผสมแล้วให้ทั่วใบหน้า นวดวนเป็นวงกลมเบา ๆ 5 นาที
  3. เมื่อนวดครบ 5 นาทีแล้ว ให้ทาเนื้อมากส์เพิ่มเป็นชั้นหนา แล้วพอกทิ้งไว้ 15 นาที
  4. เมื่อครบเวลา พรมน้ำให้ทั่วใบหน้า แล้วนวดวนเบา ๆ 1 นาที ล้างออกให้สะอาด
สูตรมาส์กหน้าเด็ก
ประโยชน์ของมากส์สูตรย้อนวัย

  1. แป้งข้าวจ้าว ช่วยผลัดเซลล์ผิว ดูดซับความมันส่วนเกินบนใบหน้า ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส ช่วยให้ผิวเต่งตึง
  2. แป้งสาลี มีสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยชะลอริ้วรอย ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด ช่วยเติมความยืดหยุ่นให้กับผิว
  3. เจลว่านหางจระเข้ ช่วยลดริ้วรอย ลดฝ้ากระ ลดจุดด่างดำ ลดการเกิดสิว ช่วยให้ผิวเนียนเรียบ ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว
  4. วิตามิน อี ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย ช่วยลดริ้วรอย จึงช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ช่วยรักษาแผลเป็นจากสิว ให้ผิวขาวกระจ่างใส
  5. น้ำมันมะพร้าว ช่วยผลัดเซลล์ผิว ให้ผิวขาวกระจ่างใส ช่วยกักเก็บน้ำและเติมน้ำให้ผิวจึงทำให้ผิวชุ่มชื้นค่ะ ช่วยลดริ้วรอย ฝ้ากระ จุดด่างดำ

สูตรมาส์กหน้าเด็ก
ก่อนใช้อย่าลืมทดสอบการแพ้ก่อนนะคะ แล้วเจอกันใหม่กับ Beauty DIY ดี ๆ แบบนี้ได้ที่นี่นะคะ บายค่ะ
เรื่อง / ภาพ โดย #AquaLady

Friday, April 24, 2020

Review - ของกินอะไรใน 7-11 ที่กินแล้วผิวสวย ราคาถูก งบไม่เกิน 100 บาท EP2 - B2G


"วันนี้กินอะไรดี?" หากมีคำถามแบบนี้เกิดขึ้นในหัว หรือเป็นคำถามที่ไม่เคยได้รับคำตอบจากคู่สนทนา แสดงว่าเริ่มเบื่อกับการทานอาหารที่ทำทานเองหรือเบื่ออาหารที่กินเป็นประจำกันแล้วแหละ
ข้าวไข่เจียว ข้าวกะเพราไข่ดาว ข้าวผัด ฯลฯ เบื่อไหมคะกับเมนูแบบนี้ บางทีคิดเมนูมาทั้งวัน ไปถึงร้านสั่งอย่างมั่นใจ ปรากฏไม่อะไรหมดก็เกิดเหตุอะไรสักอย่างที่ไม่ได้กินเมนูที่คิดไว้ จนต้องไปจบที่เมนูแบบกะเพราไข่ดาว เพราะร้านข้าวแกง ร้านอาหารตามสั่ง ตัวเลือกมันมีไม่เยอะจริงไหมคะ
ถ้าต้องกินอาหารแบบเดิมทุกวันต้องเบื่อมากแน่ ๆ และคำถามที่ไม่เคยได้รับคำตอบอย่าง “วันนี้กินอะไรดี” จะกลายเป็นปัญหาระดับชาติของคุณไปทันที หากเป็นอย่างนี้จริงคุณต้องรู้สึกไม่ดีมากใช่ไหมคะ  
วันนี้น้ำพาไปหาของกินใน 7-11 ที่ช่วยให้อิ่มท้อง ร่างกายได้ประโยชน์ ในงบไม่เกิน 100 บาท แถมช่วยให้ร่างกายได้รับคอลลาเจนโดยตรงจากอาหารและยังมีสารอาหารที่มีส่วนช่วยให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนได้เองอีกด้วยค่ะ มีอะไรบ้าง พร้อมไปดูกันหรือยังคะ? ถ้าพร้อมแล้วไปเลยค่ะ!
ของกินใน 7-11

เมนูใน 7-11 ของน้ำในวันนี้มี 3 อย่างมานำเสนอค่ะ
ของกินใน 7-11
  1. ข้าวห่อสาหร่ายไส้แซลมอนย่างซีอิ๊ว ราคา 27 บาท อิ่มแบบจุก ๆ กับข้าวห่อสาหร่ายแผ่นใหญ่เต็มแผ่น และปลาแซลมอนย่างซีอิ๊ว ก่อนทานที่นึกว่าปลาแซลมอนย่างซีอิ๊วจะเป็นเศษ ๆ อารมณ์เหมือนแซนวิชปลาทูน่า แต่พอกัดไปแล้วปลาแซลมอนเป็นก้อนเลยค่ะ ชิ้นใหญ่มาก ข้าวห่อสาหร่ายไส้ปลาแซลมอนย่างซีอิ๋วมีทั้ง Omega3 / คอลลาเจน / โปรตีน / แป้ง ย่อยง่ายด้วยค่ะ และสะดวกทานได้โดยไม่ต้องอุ่นร้อนเลยนะคะ
  2. ไข่ตุ๋นไก่สับผักรวม ราคา 19 บาท ในถ้วยมีไก่สับ แครอท ผักชี ต้นหอม พริกไท ใส่ไก่เยอะพอสมควรค่ะ เกือบครึ่งถ้วย ถ้วยนี้มีทั้งโปรตีน / วิตามิน และคอลลาเจน อุ่นร้อน ๆ ซดคล่องคอมากค่ะ
  3. น้ำเต้าหู้ผสมคอลลาเจน ราคา 13 บาท ถุงนี้ได้โปรตีนจากถั่วเหลืองและคอลลาเจนเต็ม ๆ รสชาติไม่หวานมาก


สรุป มื้อนี้น้ำจ่ายไป 59 บาท อิ่มยันมื้อถัดไปเลยค่ะ ได้สารอาหารครบ 5 หมู่
มีคอลลาเจนช่วยบำรุงผิว แถมเมนูไม่จำเจด้วย
ของกินใน 7-11
หมดปัญหาสำหรับมื้อถัดไปในชั่วโมงเร่งด่วนและในวันที่เพื่อน ๆ คิดไม่ออกว่าจะกินอะไร อิ่มแบบมีคุณภาพ ในราคา 59 บาท หากใครยังไม่มีตัวเลือกสำหรับมื้อถัดไป ลองแวะไป 7-11 หาเมนูที่น้ำแนะนำกันได้เลยค่ะ
 ก่อนออกจากบ้าน อย่าลืมหน้ากากและเจลล้างมือติดตัวไปด้วยนะคะ แล้วเจอกันใหม่กับบทความถัดไปค่ะ
เรื่อง / ภาพ โดย #AquaLady